tag:blogger.com,1999:blog-51618887876108583892024-03-18T20:43:25.572-07:00ประเพณีไทยแหล่งรวบรวมประเพณีไทยในแต่ละภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ กลาง อีสาน หรือภาคใต้ วัฒนะธรรม การละเล่นต่างๆ ในแต่ละท้องถิ่นChanngamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.comBlogger11125tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-78163297180249324162013-11-13T07:17:00.002-08:002013-11-13T07:18:22.739-08:00ประเพณีอัฐมีบูชา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEguA8ULp-JYOEN-_Sq9J29cQ_UvgbbwV47qvKkkwksW5Tbpx_AlEcqOUPAwXL1SgJebOVIfNLiPM3PgqSiU3raz1CBSSedx9PrI5o_gL5Vg9EYmRVyfcbcl_pq0jn6o1915zpqsAZTzRhfv/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEguA8ULp-JYOEN-_Sq9J29cQ_UvgbbwV47qvKkkwksW5Tbpx_AlEcqOUPAwXL1SgJebOVIfNLiPM3PgqSiU3raz1CBSSedx9PrI5o_gL5Vg9EYmRVyfcbcl_pq0jn6o1915zpqsAZTzRhfv/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2.jpg" /></a></div>
<br>
<br>
วันอัฏฐมี คือวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ถือเป็นวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปะโยคและสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกพระพุทธคุณของพระพทุธเจ้า
<a name='more'></a>
<br>
<br>
<b>เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันอัฏฐมีบูชา</b>
<br>
<br>
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ๘ วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมกับประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้ร่วมใจกันทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความหดหู่สลดใจ และวิปโยคโศกศัลย์ เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้นเวียนมาประจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วน โดยเฉพาะพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดนั้น ๆ ได้ร่วมกันกันประกอบพิธีบูชาขึ้น เฉพาะภายในวัด เช่นที่ปฏิบัติกันอยู่ในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ เป็นต้น แต่จะปฏิบัติกันมาแต่เมื่อใด ไม่พบข้อพิสูจน์ ปัจจุบันนี้ก็ยังถือปฏิบัติกันอยู่
<br>
<br>
<b>ประเพณีวันอัฏฐมีบูชาในประเทศไทย</b>
<br>
<br>
การประกอบพิธีอัฏฐมีบูชานั้น นิยมทำกันในตอนค่ำและปฏิบัติเหมือนกันกับประกอบพิธีวิสาขบูชา ในประเทศไทย พบประเพณีการถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลองที่ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยประเพณีนี้มีมาเมื่อใดไม่ปรากฏชัดเจน ในปัจจุบันประเพณีนี้ได้รับการส่งเสริมจากทางหน่วยงานภาครัฐบาล และเอกชน โดยจัดเป็นงาน "วันอัฏฐมีบูชารำลีก เมืองทุ่งยั้ง" ณ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นประจำทุกปี โดยกำหนดจัดงานในวันวิสาขบูชา คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ถึงวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ รวม ๙ วัน กิจกรรมภายในงานมีการแสดง แสง สี เสียง ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน จนถึงพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง มีประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียงเข้าชมเป็นจำนวนมาก
<br>
<br>
<i>ที่มา : buddhismm.wikispaces.com</i>
Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-47606828675838124602013-11-13T07:00:00.000-08:002013-11-13T07:02:27.461-08:00ประเพณีชักพระ วัฒนธรรมภาคใต้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRsrQE16eeexQCyAaKr9JDSMF308y6eH68jyzBqZ3NUb41yeFnfkULBNyQ_wYp_2HYKgYfmbgU0_6WuihToGsQhfQ1nn2a9V95ssGtj674f35YOhpZYhpEld3_oqvJCfO8VThigNETZuqF/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRsrQE16eeexQCyAaKr9JDSMF308y6eH68jyzBqZ3NUb41yeFnfkULBNyQ_wYp_2HYKgYfmbgU0_6WuihToGsQhfQ1nn2a9V95ssGtj674f35YOhpZYhpEld3_oqvJCfO8VThigNETZuqF/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0.jpg" /></a></div>
<br>
<br>
ประเพณีชักพระ บางพื้นเมืองเรียกว่า "ประเพณีลากพระ " เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวภาคใต้ ได้มีการสืบสายกันมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย โดยสันนิษฐานว่าได้เกิดมีขึ้นหนแรกในอินเดีย มีพุทธตำนานเล่าขานสืบสายกันมาว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงผนวชได้ 7 พรรษา และ พรรษาที่ 7 นั้นได้เสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้นออกพรรษาแล้ว ยามเช้าของแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ได้เสด็จกลับมายังโลก ในการนี้พุทธบริษัททั้ง 4 ประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และ อุบาสิกา ซึ่งคอยพระพุทธองค์มาเป็นเวลานานถึง 3 เดือน ครั้นทราบว่า พระพุทธเจ้าเสด็จกลับ จึงได้รับเสด็จและได้นำอาหารคาวหวานไปถวายด้วย ผู้ไปทีหลังนั่งไกล ไม่สามารถเข้าไปถวายภัตตาหารด้วยตัวเองได้ จึงใช้ใบไม้ห่ออาหารและส่งผ่านชุมชนต่อๆกันไป เพื่อขอความอนุเคราะห์ต่อผู้นั่งใกล้ๆ ถวายแทน บุญประเพณีลากพระ จึงมีขนมต้มหรือที่เรียกตามภาษาถิ่นว่า "ต้ม" เป็นขนมประจำประเพณีทำด้วยข้าวเหนียว ห่อด้วยใบไม้อ่อนๆ เช่น ใบจาก ใบลาน ใบตาล ใบมะพร้าว หรือ ใบกะพ้อ เป็นต้น
<a name='more'></a>
<br>
<br>
<b>ประเพณีชักพระของชาวภาคใต้มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ลากพระทางบก กับ ลากพระทางน้ำ</b>
<br>
<br>
<b>ชักพระทางบก</b> คือการอัญเชิญพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐาน บนนบพระ หรือบุษบก แล้วแห่แหน ใช้เชือกแบ่งผูกเป็น 2 สาย เป็นสายผู้หญิงและสายผู้ชาย ใช้โพน ฆ้อง ระฆัง เป็นเครื่องตีให้จังหวะในการลากพระ คนลากจะเบียดกันรื้นเริงและประสานเสียงร้องบทลากพระเพื่อผ่อนแรง วัดส่วนใหญ่ ที่ปฏิบัติงานประเพณีลากพระวิธีนี้ มักตั้งอยู่ในที่ไกลแม่น้ำลำคลอง
<br>
<br>
<b>ชักพระทางน้ำ </b>เป็นการเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐาน บนบุษบก ในเรือ แล้วแห่แหนโดยการลากไปทางน้ำ ประเพณีลากพระ ที่มักกระทำด้วยวิธีนี้ เป็นของวัดที่ส่วนมากอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองการลากพระทางน้ำจะสนุกกว่าการลากพระทางบก เพราะสภาพการเป็นใจต่อกิจกรรมอื่น ๆ เช่น สะดวกในการลากพระ ง่ายแก่การรวมกลุ่มกันจัดเรือพาย แหล่งลากพระน้ำที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่ง คือ ที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร อำเภอพุนพินและ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช รองลงมาอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง การชักพระทางน้ำของเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แปลกกว่าที่อื่น คือ จะลากกัน 3 วัน ระหว่างแรม 8 ค่ำถึงแรม 10 ค่ำ เดือน 11 มีการปาสาหร่ายตอบโต้กันระหว่างหนุ่มสาวมีการเล่นเพลงเรือ และที่แปลกพิเศษ คือ มีการทอดผ้าป่าสามัคคีในวันเริ่มงาน
<br>
<br>
<i>ที่มา : stou.ac.th</i>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-36841854241302053002013-11-07T22:38:00.001-08:002013-11-07T22:39:04.764-08:00ประเพณีนบพระเล่นเพลง จังหวัดกําแพงเพชร<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEircTBxMjUIgKcJwuBYuHCLm7o7D4e6-jf6YrQtJ1SGJ_X_ucpgWv9RrBHmzGIf8SAZMLbY310mDDBW2ka9UougupFmzSED79t_Szm7J09V_-Qw1SXd2MZUJP2iZFVJovG7q4qiQtDsIYxC/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87+%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEircTBxMjUIgKcJwuBYuHCLm7o7D4e6-jf6YrQtJ1SGJ_X_ucpgWv9RrBHmzGIf8SAZMLbY310mDDBW2ka9UougupFmzSED79t_Szm7J09V_-Qw1SXd2MZUJP2iZFVJovG7q4qiQtDsIYxC/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87+%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3.jpg" /></a></div>
<br>
<br>
จังหวัดกำแพงเพชรเป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของไทย ในสมัยสุโขทัย จังหวัดกำแพงเพชรมีฐานะเป็นเมืองด่านต้องคอยรับศึกสงครามอยู่เสมอ จึงได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่ให้เห็นมากมายในปัจจุบันนี้ เช่น วัดโบราณ ป้อมปราการ คูเมือง กำแพงเมือง เป็นต้น ทำให้จังหวัดกำแพงเพชรเป็นเมืองศูนย์รวมการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย
<br>
<br>
<a name='more'></a>
นอกจากโบราณสถานที่โทรมแสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองแล้วยังมีขนมธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันที่สำคัญก็คือ “ประเพณีนบพระเล่นเพลง” ซึ่งเป็นการทำบุญในวันเพ็ญเดือนสาม หรือวันมาฆบูชา
<br>
<br>
<b>ประวัติและความเป็นมา</b>
<br>
<br>
ประเพณีนบพระ-เล่นเพลงของชาวกำแพงเพชรนั้น ได้นำคำในศิลาจารึกศรีนครชุม หลักที่ ๓ มาเป็นชื่องาน มีความว่า “ผู้ใดไหว้นบ กระทำบูชาพระศรีรัตนมหาธาตุ และพระศรีมหาโพธิไซร้ มีผล อานิสงส์พร่ำเสมอดังได้นบพระผู้เป็นเจ้า…” คำว่า “นบ” เป็นคำโบราณ แปลว่า ไหว้ ดังนั้น การนบพระจึง หมายความว่า “ไหว้พระ”
<br>
<br>
สำหรับคำว่าเล่นเพลง คือ การละเล่นสนุกสนานพื้นบ้าน โดยมีการร้องเพลงพื้นบ้าน มีชาย หญิงร่วมร้องและร่ายรำเป็นที่สนุกภายหลังจากได้ทำบุญทำกุศลแล้ว
<br>
<br>
งานประเพณีนบพระ-เล่นเพลงในแผ่นดินพระเจ้าลิไทจัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2526 ด้วย ความร่วมมือของจังหวัดกำแพงเพชร กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการจัดงานครั้งนั้นทางผู้จัดได้นำเอาประวัติศาสตร์ในแผ่นดินพระเจ้าลิไท ตอนเสด็จ พระราชดำเนินนำพระมเหสี ข้าราชบริพาร ตลอดจนไพร่ข้าแผ่นดินชาวเมืองชากังราว และเมืองนครชุมไปนมัสการพระพุทธบาทที่เขาสุมนกูฏ เมืองสุโขทัย แล้วมาถวายสักการะบูชาพระศรีรัตนมหาธาตุ ณ วัดพระบรมธาตุ นครชุม มาเป็นตอนสำคัญของงาน
<br>
<br>
<b>กำหนดการจัดงาน</b>
<br>
<br>
จัดในช่วงวันมาฆบูชาหรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของประเทศไทย
<br>
<br>
<b>กิจกรรมและพิธี</b>
<br>
<br>
สถานที่จัดงาน คือ บริเวณวัดพระบรมธาตุนครชุม จะมีการแสดงพระราชประวัติ ตอนพระ เจ้าลิไทไปทำการนบพระ พร้อมด้วยมเหสี และข้าราชบริพาร เริ่มต้นขบวนที่บริเวณวัดพระบรมธาตุนครชุม เมื่อนบพระเรียบร้อยแล้วก็มีการรำโคม รำถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคของ พระเจ้าลิไทก็เคลื่อนออกจากวัดเข้าสู่เมืองกำแพงเพชร
<br>
<br>
<b>มหรสพงานนบพระเล่นเพลง</b>
<br>
<br>
ตอนค่ำมีมหรสพแสดงให้ชมหลายอย่างด้วยกัน และที่สำคัญคือ การเล่นเพลง ที่แสดงโดย นักศึกษาวิทยาลัยครูกำแพงเพชร เล่นได้ดีเป็นที่สนใจของผู้มาเที่ยวงาน ส่วนบริเวณวัดพระแก้ว มีการแสดง แสงและเสียง เรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองกำแพงเพชร ส่วนในภาคกลางวันมีการออกร้าน และบริการนำเที่ยวโบราณสถาน โดยใช้เกวียนเป็น พาหนะ โดยนำมาจากอำเภอพรานกระต่าย (สมชาย พิทยาศักดิ์งาม, 2534, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,2531)
<br>
<br>
<i>ที่มา : rakthaitradition.wordpress.com</i>
Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-74944884065635387862012-12-24T05:04:00.002-08:002012-12-24T05:34:33.477-08:00ประเพณีสงกรานต์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv5hbOxwssqWD8zfqVIfxIeKJWGwZAhufAAX4Dkc0lOT11XLlWY2OWJvn6cGD8G1e81IED08246qf9RcSzAwqsfuPAmFTcRGucA8CgfVvpy1nKY0x818lHVh9LJhZ5lpCtf9Jt2O13vipJ/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv5hbOxwssqWD8zfqVIfxIeKJWGwZAhufAAX4Dkc0lOT11XLlWY2OWJvn6cGD8G1e81IED08246qf9RcSzAwqsfuPAmFTcRGucA8CgfVvpy1nKY0x818lHVh9LJhZ5lpCtf9Jt2O13vipJ/s1600/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C.jpg" height="213" width="320" /></a></div>
<br />
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C">วันสงกรานต์</a> เป็นประเพณี<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a>ไทยมาแต่โบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศที่งดงาม อ่อนโยน ความกตัญญู ความอบอุ่น แลการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน โดยการใช้นำเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อกัน<br />
<br />
ในปัจจุบันโดยหลักสากลแล้วเราจะนับวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a> แต่ในการดำเนินกิจกรรมที่ชุมชนได้ปฏิบัติสืบต่อกันมานั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตร การอุทิศส่วนกุศลแต่บรรพบุรุษ การสงน้ำพระ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำ และการละเล่นรื่นเริ่งต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะยังถือ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/12/blog-post.html">ประเพณีสงกรานต์</a>เป็นปีใหม่แบบไทยๆ<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
ช่วงเทศ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C">การสงกรานต์</a>นั้น จะตรงกับวันที่ 13, 14 และ 15 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเพื่อให้ประชาชนที่ทำงานยังท้องถิ่นอื่นๆ ได้กลับถิ่นฐานของตนเพื่อร่วมทำบุญ เยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ บุพการี เพื่อเล่นสนุกสนานกับครอบครัวและเพื่อนฝูง<br />
<br />
นอกจากประเทศไทยแล้ว หลายๆ ประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น เช่น มอญ พม่า เขมร และลาว ต่างก็ถือวันสงกรานต์เป็นประเพณีฉลองขึ้นปีใหม่เช่นเดียวกัน เพียงแต่ประเทศไทยของเราได้มีการสืบสานและวิวัฒนาการ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/12/blog-post.html">ประเพณีสงกรานต์</a>จนมีเอกลักษณ์โดนเด่นกลายเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ แม้แต่ชาวต่างชาติยังรู้จักและให้ความสนใจประเพณีเป็นอย่างดี<br />
<br />
สงกรานต์ เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/">ประเพณีไทย</a>ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณคู่กับ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99">ประเพณีตรุษจีน</a> หรือที่เรียกรวมๆ กันว่าประเพณีตรุษสงกรานต์ ซึ่งจะหมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของไทย ก่อนจะมาใช้ในวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ 1 มกราคม เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a> ในปี พ.ศ. 2483 เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ<br />
<br />
ในสมัยก่อนนั้นไทยเราถือวันเริม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a> ซึ่งสมัยก่อนนั้นถือว่าฤดูเหมันต์ (ฤดูหนาว) เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ ราวๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคมและได้มีการเปลี่ยนแปลงตามคติพราหมณ์ จากการสังเกตธรรมชาติ และฤดูการผลิต จึ่งเปลี่ยนมาเป็นวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 หรือประมาณเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการนับปีใหม่ตามเกณฑ์จุลศักราช โดยถือวันมหาสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่<br />
<br />
ครั้นในปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชการที่ 5) ได้กำหนดวันที่ 1 เมษายน เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a> ซึ่งนับตามทางสุริยคติแทน จนปี พ.ศ. 2483 รัฐบาลไทยในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้ประกาศวันที่ 1 มกราคมเป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a>แทน ดังนั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 เป็นต้นมา ประเทศไทยจึงมี<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88">วันขึ้นปีใหม่</a>ตรงกับวันที่ 1 มกราคม และใช้มาจนปัจจุบัน<br />
<br />
ที่มา : baanjomyut.com<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1356355927">http://pdfcast.org/pdf/1356355927</a>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-5731128154686810142012-11-22T06:09:00.004-08:002012-11-22T06:22:52.874-08:00ประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiN-wzL3foLfDAm0TH7F_uDTD9qdtwVPpW8kL8VUL-T1fcI8Ea7zejdyrnqY6L7cSbaTSO5KaCrw8GKcX9KoIAidj38n2onf4MJ-fgkvhK9rHEQ4Oea0VYqwDbQoFKxdqURbsliBPs6VKnP/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiN-wzL3foLfDAm0TH7F_uDTD9qdtwVPpW8kL8VUL-T1fcI8Ea7zejdyrnqY6L7cSbaTSO5KaCrw8GKcX9KoIAidj38n2onf4MJ-fgkvhK9rHEQ4Oea0VYqwDbQoFKxdqURbsliBPs6VKnP/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2.JPEG" height="240" width="320" /></a></div>
<br />
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a> เป็นปูชนียสถานที่สำของจังหวัดลำพูน โดยเป้นหนึ่งในเจดีย์ 8 องค์ที่เก่าแก่ของประเทศไทย ที่สร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตย์ราช<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a> และเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป โดยประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุนั้น เป็นประเพณีไทยที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่สนใจของคนจังหวัดลำพูนและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งยืดถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
วัตถุประสงค์ของประเพณีสรงน้ำ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระธาตุหริภุญชัย</a> มีดังนี้<br />
<br />
1.เพื่อเป็นการสักการะพระบรมธาตุ ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่ของวัด<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a> และนับเป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวลำพูนและชาวพุทธทั่วไป<br />
<br />
2.เพื่อสักการะพระบรมอัฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<br />
<br />
3.เพื่อเป็นการบูชาเสาหลักเมือง ทั้งนี้เพราะประชาชนลำพูนถือว่าเจดีย์<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a>เป็นเสาหลักเมืองทำพิธีสรงน้ำ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a>จึงได้ทำบุญเสาหลักเมืองลำพูนด้วย<br />
<br />
โดยกำหนดการจัดขึ้น ณ วัด<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2">พระบรมธาตุหริภุญชัย</a> วรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 หรือที่ชาวเหนือเรียกว่า "วันแปดเป็ง" หรือวัน "<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2">วิสาขบูชา</a>"<br />
<br />
หลังจากเสร็จพิธรการสรงน้ำพระราชทานและน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะมีขบวน "ครัวทาน" จากจังหวัดต่างๆ แห่เพื่อนมัสการและสักการะพระบรมธาตุ โดยขบวนจะตกแต่งเป็นเรื่องทางพุทธประวัติหรือมหาชาติที่ให้คติธรรม ในขบวนจะประกอบไปด้วย ธงทิว การแสดงศิลปพื้นบ้าน การบรรเลงดนตรีพื้นเมืองที่ครึกครึ้น ในช่วงกลางคืนจะเริ่มพิธีเวลา 18.00 น. พระสงฆ์ 20 รูป พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนต่างๆ จะประกอบพิธีเวียนเทียนประทักษิณองค์พระบรมธาตุ 3 รอบ และพระสงฆ์แยกย้ายเข้าประจำพระวิหารทั้ง 4 ทิศ เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์สวดเบิกวิหารละ 4 วาร (วาระ) เป็นเสร็จพิธี<br />
<br />
<b>คำบูชาพระบรมธาตุหริภุญชัย</b><br />
สุวัณณะเจติยัง หะริภุญชะยัฏฐัง วะระโมลีธารัง อุรัฏฐิเสฏฐรัง สะทะอังคุลีฏฐัง<br />
กัจจายะเนนตินะ ปัตตะปูรัง สีเสนะมัยหัง ปาณะมามิธาตุง อะหังวันทามิสัพพะทา<br />
<br />
ข้าพเจ้า ขอเอาเศียรเกล้าของข้าพเจ้า นอบน้อมพระธาตุ อันเป็นเจดีย์ทอง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหริภุญชัย คือ พระอัฏฐิเบื้องพระทรวงอันประเสริฐ กับทั้งพระอัฏฐิพระองคลี และพระธาตุย่อยเต็มบาตรหนึ่ง อันพระกัจจายะนะนำมา ข้าพเจ้าขอวันทาในกาละทุกเมื่อแล<br />
<br />
ที่มา : http://www.baanjomyut.com<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1353594138">http://pdfcast.org/pdf/1353594138</a>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-38184555959882679942012-11-13T07:21:00.003-08:002012-11-13T07:42:28.075-08:00ประเพณีแห่นางแมว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjo1iflvJyH5XnZ0101o_5kxmsaDVrWABFOMpEMge96pmYr5oFz0mQArv_B_Z4EXtFATS8GzZWikowSybc-AvJkCU-27JKYrJBhMlmmdHC6GIqAy5GTe5gdlA9pa6ZKnkOMk9Z5XYBPfjHI/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjo1iflvJyH5XnZ0101o_5kxmsaDVrWABFOMpEMge96pmYr5oFz0mQArv_B_Z4EXtFATS8GzZWikowSybc-AvJkCU-27JKYrJBhMlmmdHC6GIqAy5GTe5gdlA9pa6ZKnkOMk9Z5XYBPfjHI/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7.jpg" width="320" /></a></div>
ในสังคมของไทยเรานั้นส่วนใหญ่แล้วจะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ดังนั้นปัจจัยของความสมบูรณ์จึงมีความเกี่ยวข้องกับฝนเป็นหลัก และชาวนาส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการพึ่งพิงอำนาจที่เหนือธรรมชาติ ว่าปีใดฝนเกิดแห้งแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลชาวนาทั้งหลายก็จะไม่สามารถทำนาได้เนื่องจากไม่มีน้ำ จึงทำให้เกิดพิธีกรรมที่เรียกว่า “<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_13.html">การแห่นางแมว</a>” ซึ่งเป็นความเชื่อในการประกอบพิธีขอฝนให้ตกตามฤดูกาลได้<br />
<br />
โดยในพิธีจะใช้ชะลอมตกแต่งให้สวยงามและนำแมวมาใส่ในชะลอม มัดชะลอมให้แน่นกับคานแล้วแห่ไปรอบหมู่บ้าน ในระหว่างแห่นางแมวจะมีการร้องเพลงและขบวนกลองยาวคอยให้จังหวะเป็นที่ครื้นเครง เมื่อขบวนแวะหรือผ่านบ้านใครก็จะรดน้ำแมวและให้อาหาร เหล้าและอื่นๆ และเมื่อแห่ครบทุกบ้านแล้วก็จะนำข้าวปลาอาหารมากินเลี้ยงกัน หรืออาจจะแห่ไปเรื่อยๆ จากเช้าจนถึงค่ำ<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
พิธีกรรมแห่นางแมวยังแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนช่วยให้กลุ่มคนที่มีอาชีพเกษตรกรรมได้กลับมารวมตัวทำให้เกิดความสร้างสรรค์สามารถทำให้ชุมชนชาวนามีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้นด้วย<br />
<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1352821293">http://pdfcast.org/pdf/1352821293</a>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-86549840449465260032012-11-09T09:19:00.002-08:002012-11-13T07:45:35.939-08:00งานประเพณีแห่เทียนพรรษา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHbU1GlKRWmgU6uoZ6zI8RwjbjDrYNyGc_P9M-dD_GdpvcDKny0BvLQBUKKBFkBUKvBhDd2WXvIsdZtgG44pWy0TkGHQ756wsYYcu3ZFbE25s_4KnuFQZzNL-aDg-TJxZpJRK7-wLZOc-b/s1600/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left:1em; margin-right:1em"><img border="0" height="215" width="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHbU1GlKRWmgU6uoZ6zI8RwjbjDrYNyGc_P9M-dD_GdpvcDKny0BvLQBUKKBFkBUKvBhDd2WXvIsdZtgG44pWy0TkGHQ756wsYYcu3ZFbE25s_4KnuFQZzNL-aDg-TJxZpJRK7-wLZOc-b/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2.jpg" /></a></div>
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_9.html">ประเพณีแห่เทียนพรรษา</a>เป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5">สมัยพุทธกาล</a> ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดประเพณีนี้ขึ้น ก็เนื่องมาจากมีพระภิกษุสงฆ์ได้เดินไปเหยียบย้ำต้นกล้าในนาของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงอนุญาติให้พระภิกษุสงฆ์และสามเณรสามารถอยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน ในช่วงแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ่น 15 ค่ำเดือน 11 โดยในช่วง<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2">เข้าพรรษา</a>นี้ชาวบ้านนิยมนำเทียนมาถวายพระภิกษุ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบประดุจขี้ผึ้งที่ใช้ทำเทียน<br />
<br />
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_9.html">ประเพณีแห่เทียนพรรษา</a>นั้นชาวบ้านนิยมถวายเทียน ก็เนื่องมาจากสมัยก่อนั้นพระภิกษุไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนต้นใหญ่ขึ้นเพื่อถวายแก่พระภิกษุให้ใช้ในการจุดเพื่อปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ในช่วงจำพรรษา 3 เดือน การนำเทียนไปถวายนั้นชาวบ้านนิยมแห่กันอย่างเอิกเกริกและปฏิบัติสืบทอดกันมากลายเป็นประเพณี<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
งาน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_9.html">ประเพณีแห่เทียนพรรษา</a> จึงเป็นประเพณีที่หลอมรวมความผูกพันของชาวบ้านที่ร่วมกันบริจาคเทียนเพื่อหลอมเป็นเทียนเล่มใหญ่ เป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของชาวบ้าน ในการทำลวดลายไทย การแกะสลักลวดลายลงบนเทียนนั้น ล้วนแต่เป็นฝืมือของช่างในท้องถิ่นนั้นๆ ส่วนการจัดขบวนแห่ก็ใช้แต่ของพื้นเมือง เช่น การแต่งกาขบวนฟ้อน จะใช้ผ้าพื้นเมืองเป็นหลัก การฟ้อนรำจะใช้ท่ารำที่ดัดแปลงมาจากวิถีชีวิตการทำมาหากินของชาวบ้าน ดนตรีประกอบก็เป็นดนตรีจากท้องถิ่น ผสมกับการขับร้องที่สนุกสนาน ทำให้งานประเพณีนั้นยิ่งใหญ่ที่ชาวบ้านต่างรอคอย<br />
<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1352821495">http://pdfcast.org/pdf/1352821495</a>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-5057281591771507022012-11-08T09:27:00.003-08:002012-11-08T09:40:51.959-08:00ประเพณีวันออกพรรษา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijSL1DWnvG8_maIZUyhxWw_h6uPj8Ipj9r_xLWecVFz6_EUAh5bWSvPcfsqIVIO3pYcCsJej941TLuYSodX2q6gjWh0kfTlNZIDipYRWqTpBchZfI6ypjBZAKo46JS2ajvLoqz7wIaq7ex/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="233" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijSL1DWnvG8_maIZUyhxWw_h6uPj8Ipj9r_xLWecVFz6_EUAh5bWSvPcfsqIVIO3pYcCsJej941TLuYSodX2q6gjWh0kfTlNZIDipYRWqTpBchZfI6ypjBZAKo46JS2ajvLoqz7wIaq7ex/s320/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B2.jpg" width="320" /></a></div>
ประเพณีวัน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2">ออกพรรษา</a>ของไทย ตรงกับวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนสิบเอ็ด เป็นวันที่พระภิกษุสงฑ์ต้องอยู่จำวัดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2">วันปวารณา</a>” หมายถึง วันที่พระภิกษุต่างตักเตือนซึ้งกันและกันโดยไม่มีการโกรธเคือง กล่าวถึงเรื่องบกพร่องต่างๆ ในระยะเวลา 3 เดือนที่ได้อยู่ร่วมกัน และผู้ที่ถูกกล่าวเตือนต้องยอมรับและพิจรณาตนเอง ซึ่งผู้ที่กล่าวตักเตือนนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่มีความปราถนาดีต่อผู้ที่ตนว่ากล่าว หลักการปฏิบัตินี้สามารถนำมาปฏิบัติหรือใช้ในการดำเนินชีวิตได้ เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาตนหรือการพัฒนาองค์กรได้เป็นอย่างดี<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
ในวัน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2">ออกพรรษา</a>นั้นพุทธศาสนิกชนจะให้ความสำคัญโดยถือว่าเป็นวันพระ และจะไปทำบุญตักบาตรท รักษาศิล ฟังเทศน์ โดยเรียกว่า “<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%A7">ตักบาตรเทโว</a>”<br />
<br />
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%A7">ตักบาตรเทโว</a> มาจากคำว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ<br />
<br />
เทโวโรหณะ แปลว่า หยั่งลงมาจากเทวโลก<br />
<br />
ประเพณีการ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%A7">ตักบาตรเทโว</a>นั้นตรงกับวันแรมหนึ่งค่ำ เดือนสิบเอ็ด เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสร็จจากสวรรค์ชั่นดาวดึงลงสู่โลกมนุษย์ เพื่อเป็นการต้อนรับเสด็จพระองค์
<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1352396354">วันออกพรรษา</a>
Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-70855465381925229212012-11-06T05:23:00.002-08:002012-11-06T05:47:14.911-08:00ประวัติความเป็นมาประเพณีไหลเรือไฟ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhCh30ADw2X0F90atXW6798oblp6NfikDcv8JVBlkUXql9X-1lSfbursAN270Jqx9dJxYf4sdfOh1QbYjP8u7H1CgNHwP68qr5RFblMfOl9_jJjc0CDvbqoTgDJxUbeNT3jwdvFOKsHO_Xv/s1600/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhCh30ADw2X0F90atXW6798oblp6NfikDcv8JVBlkUXql9X-1lSfbursAN270Jqx9dJxYf4sdfOh1QbYjP8u7H1CgNHwP68qr5RFblMfOl9_jJjc0CDvbqoTgDJxUbeNT3jwdvFOKsHO_Xv/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F.jpg" width="320" /></a></div>
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_6.html">ประเพณีไหลเรือไฟ</a> เป็นประเพณีภาคอีสาน บางทีเรียกว่า "<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9F">เฮือไฟ</a>" ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวัน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2">ออกพรรษา</a> เพื่อบูชา<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97">รอยพระพุธทบาท</a>ของพระสัมมาสัมพุธเจ้า โดยประวัติความเป็นมานั้นพระพุทธเจ้าทรงเสร็จไปแสดงธรรมเทศนาพญานาค ณ เมืองบาดาล ริมฝั่ง<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5">แม่น้ำนัมทามหานที</a> และพญานาคได้ทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ ซึ่งต่อมาทั้งเทวดา มนุษย์ ตลอดจนสัตว์ทั้งได้ได้มาสักการะบูชารอยพระพุทธบาท และประเพณีไหลเรือไฟยังจัดขึ้นเพื่อขอขมาแม่น้ำที่ได้ทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูล ลงในแม่น้ำ และเป็นการเผาเอาความทุกข์ให้ลอยไปกับแม่น้ำ<br />
<br />
งาน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_6.html">ประเพณีไหลเรือไฟ</a> นิยมจัดกันในช่วงเทศกาล<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2">ออกพรรษา</a> ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ในส่วนของเรื่อไฟจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นทุ่นสำหรับลอยน้ำ โดยจะนำไม้ที่ลอยน้ำมาผูกติดกับแพ และส่วนที่เป็นรูปร่างสำหรับจุดไฟ จะอยู่ส่วนบนทุ่น ใช้ไม้ไผ่ยาวตั้งล้ำขึ้นทั้ง 3 ลำ ซึ้งใช้สำหรับรับน้ำหนังไม้ไผ่เล็กๆ ที่ผูกรวมยืดกันไว้เป็นตารางสี่เหลี่ยม เรียกแผง และวางแผนงานว่าจะออกแบบแผงออกเป็นรูปอะไร ซึ่งในสมัยก่อนนิยมออกแบบเป็นเรื่องราวของพระพุทธศาสนา<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
ปัจจุบันนั้นการทำเรือไฟได้มีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เช่น การใช้เรืองจริง แทนต้นกล้วยหรือไม้ไผ่ หรือใช้ไฟฟ้าในการประดับเรือแทนการใช้ริ้วผ้าชุบน้ำมันยาง ประเพณีไหลเรือไฟภาคอีสาน นั้นจะคาบเกี่ยวระหว่างเดือน 11 และเดือน 12 นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ในวันงานชาวบ้าน พระภิกษุสงฑ์และสามเณร จะช่วยกันทำเรือไฟเพื่อไปลอยในแม่น้ำ ในช่วงเช้านั้นจะมีการทำบุญตักบาตร และถวายภัตตาหารเพลแล้ว บ่ายจะมีการละเล่นต่างๆ มีการรำวงเป็นการฉลองเรือไฟ ตอนเย็นหรือพลบค่ำจะมีการสวนมนต์รับศิลและฟังเทศน์ ถึงเวลา 19 – 20 นาฬิกา ชาวบ้านจะนำของกิน เครื่องใช้ ขนม กล้วย อ้อย หมากพลู ฯลฯ ใส่ลงในกระจาดบรรจุไว้ในเรือไฟ้ แล้วปล่อยเรือให้ลอยไปตามแม่น้ำ<br />
<br />
อ้างถึง : <a href="http://www.dmc.tv/pages/top_of_week/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9F-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9F.html">http://www.dmc.tv</a><br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1352209561">ประเพณีไหลเรือไฟ</a>
Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-50629391782878898132012-11-04T03:05:00.000-08:002012-11-04T03:30:49.966-08:00ประเพณียี่เป็ง ประเพณีลอยกระทงชาวล้านนาไทย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqNJmtYikWgrINq6P1CwQMwFTA16LY3wjNsQsI8OkORyjfNP7XT-1SHOzlsqDaj5lIDcvg5c0G-Jcy4fmNyh8grRLf0O9Fc9Gct_9aXM3IhcxrEFVim30atEjHE5akEwtMHt40gA42C95v/s1600/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqNJmtYikWgrINq6P1CwQMwFTA16LY3wjNsQsI8OkORyjfNP7XT-1SHOzlsqDaj5lIDcvg5c0G-Jcy4fmNyh8grRLf0O9Fc9Gct_9aXM3IhcxrEFVim30atEjHE5akEwtMHt40gA42C95v/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587.jpg" title="ประเพณียี่เป็ง" width="320" /></a></div>
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_4.html">ประเพณียี่เป็ง</a> เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/">ประเพณีไทย</a>ของชาวล้านนา ที่สอบทอดกันมาตั้งแตโบราณ ซึ่งคำว่า ยี่ แปลว่า สอง คำว่า เป็ง แปลว่า เพ็ญ หมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย อันเป็นช่วงปลายๆ ฤดูฝน และธรรมเนียมการปฏิบัติของชาวล้านนานั้นนอกจาก<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ลอยกระทง</a>แล้ว คือการจุดโคมลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสว่างไสว ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเพื่อบูชา<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5">พระเกตุแก้วจุฬามณี</a> บนสรวงสวรรค์ บ้างก็เชื่อกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลแก่ชีวิต<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
ในพงศาวดารโยนกและจามเทวีมีบันทึกไว้ว่าได้เกิดอหิวาตกโรคขึ้นในแคว้นหริภุญไชย ทำให้ชาวล้านนาต้องอพยพไปอยู่เมืองหงสาวดี เป็นเวลาถึง 6 ปี จึงสามารถกลับมาบ้านเมืองเดิมได้ เมื่อครั้นเวียนมาถึงวันที่ต้องจากบ้านเมืองไป ก็ได้มีการทำกระถางเพื่อใส่ธูปเทียนลอย ลอยตามน้ำเพื่อให้ถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่า <a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%94">การลอยโขมด</a> หรือลอยไฟ ซึ่งผู้คนจะประดับบ้านเรือน หรือวัดวาอารามด้วย ต้นกล้วย อ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุงช่อประทีปและชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ จะมีการจุด<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2">โคมลอย</a>ขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อบูชา<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5">พระเกตุแก้วจุฬามณี</a> โดยเชื่อกันว่าเปลวไฟในโคมเป็นสัญลักษณ์ของความรู้<br />
<br />
<i>งานประเพณีจะมีสามวันคือ</i>
<br />
<ul>
<li>วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ วันดา เป็นวันที่เตรียมซื้อของไปทำบุญที่วัด</li>
<li>วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญที่วัด พร้อมกับทำกระทงใหญ่ไว้ที่วัด และนำอาหารมาใส่เพื่อทำทานแก่คนยากจน</li>
<li>วันขึ้นสิบห้าค่ำ จะนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงส่วนตัวไปลอยในแม่น้ำ</li>
</ul>
อ้างอิง : <a href="http://www.paiduaykan.com/">http://www.paiduaykan.com </a><br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1352028528">ประเพณียี่เป็ง</a> <br />
<ul>
</ul>
Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5161888787610858389.post-69114455620663409442012-11-02T07:17:00.000-07:002012-11-04T03:23:06.321-08:00ประวัติความเป็นมาประเพณีวันลอยกระทงของไทย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a alt="ประเพณีไทยวันลอยกระทง" href="http://traditionalthailand.blogspot.com/" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjwVUGXsd1PU9kYe5BXszAx4CM25P24mJU7xTTdn1xDK35Y9Nnam4Yb8PPJuvKt4H4gMlktno-Oi6Yb5z58IBwasZBWkkIr7O2044T17WvNfXgxchyphenhyphenjHCw7PSq8kTElM4WGKgne08O3qAfx/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2587.jpg" title="ประเพณีไทยวันลอยกระทง" width="320" /></a></div>
<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">วันลอยกระทง</a>เป็น<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/">ประเพณีไทย</a>ที่สำคัญประเพณีหนึ่ง ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 และจะตรงกับช่วงเดือนพฤศจิกายน ตาม<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B4">ปฏิทินสุริยคติ</a> โดย<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ประเพณีวันลอยกระทง</a>นั้น จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอขมา<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2">พระแม่คงคา</a> สำหรับ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ประเพณีวันลอยกระทง</a>นั้น จะจัดทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะ บริเวณที่ติดแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ และก็จะมีเอกลักษณ์ในแต่ละภาคแตกต่างกันไป<br />
<br />
ใน<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">วันลอยกระทง</a>นั้นผู้คนจะทำกระทง โดยกระทงนั้นจะทำจากวัสดุต่างๆ ตกแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และใส่เหรียญ เส้นผมหรือเล็บลงไป แล้วนำไปลอยน้ำเพื่อเป็นการลอยเคราะห์ หรือขอขมาและบูชา<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2">พระแม่คงคา</a><br />
<br />
<a name='more'></a><br />
เชื่อกันว่า<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ประเพณีวันลอยกระทง</a>นั้นเริ่มมีแต่ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งเรียกว่าพิธีจองเปรียง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก และได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87">วันเพ็ญเดือนสิบสอง</a>มาใส่เทียนประทีบ แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่า<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ประเพณีวันลอยกระทง</a>ไม่น่าจะเก่ากว่ากรุงรัตนโกสินตอนต้น ซึ่งดูจากหลักฐานภาพจิตกรรมการสร้างกระทงต่างๆ ในสมัยรัชการที่ 1<br />
<br />
<i>ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น</i><br />
<ul>
<li>ภาคเหนือตอนบน ชาวเหนือจะเรียกประเพณีนี้ว่า “<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/2012/11/blog-post_4.html">ยี่เป็ง</a>” ซึ่งหมายถึงการทำบุญในเดือนยี่ นิยมทำ<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2">โคมลอย</a> ซึ่งทำมาจากผ้าแล้วสุมควันให้ลอยไปบนอากาศ</li>
<li>ภาคอีสาน ในอดีตนั้นมีการเรียก<a href="http://traditionalthailand.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">ประเพณีวันลอยกระทง</a>ว่า “สิบสองเพ็ง” ซึ่งก็หมายความว่าวันเพ็ญเดือนสิบสอง และจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด จะเรียกว่า “สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป” จังหวัดนครพนม จะแต่งเรือแล้วประดับไฟรูปแบบต่างๆ เรียกว่า “ไหลเรือไฟ”</li>
<li>ภาคกลาง ที่กรุงเทพฯ นั่นจะจัดขึ้นที่ภูเขาทองเป็นลักษณะงานวัด โดยจะจัดก่อนลอยกระทง 7-10 วัน</li>
<li>ภาคใต้ ก็จะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่ หรือจังหวัดสงขลา</li>
</ul>
อ้างอิง : <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87">วิกิพีเดีย</a>
<br />
PDF : <a href="http://pdfcast.org/pdf/1351871640" target="_blank" title="ประเพณีไทย">ประเพณีไทย</a>Channgamhttp://www.blogger.com/profile/14811938126716924847noreply@blogger.com0